ท่อดูเหมือนจะเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ ในระบบน้ำหรือโครงสร้างต่างๆ แต่การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งานนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากเลือกผิด อาจนำไปสู่ปัญหาการรั่วซึม การอุดตัน หรือแม้กระทั่งความเสียหายร้ายแรงได้ การทำความเข้าใจประเภทของท่อและคุณสมบัติของแต่ละชนิดจึงเป็นสิ่งจำเป็น

 

ประเภทของท่อและคุณสมบัติเด่น

 

ในท้องตลาดมีท่อหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละชนิดก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนี้:


 

1. ท่อ PVC (Polyvinyl Chloride)

 

เป็นท่อที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการใช้งานในที่อยู่อาศัยและอาคารทั่วไป เนื่องจากมีราคาไม่แพง ติดตั้งง่าย และมีน้ำหนักเบา

  • ข้อดี:
    • ราคาถูก: หาซื้อง่ายและมีต้นทุนต่ำ
    • ทนทานต่อสารเคมี: ไม่เป็นสนิม ไม่ผุกร่อนจากสารเคมีบางชนิด
    • ติดตั้งง่าย: สามารถเชื่อมต่อด้วยน้ำยาประสานท่อ PVC ทำให้การติดตั้งรวดเร็ว
    • น้ำหนักเบา: ขนย้ายและติดตั้งสะดวก
  • ข้อเสีย:
    • ไม่ทนความร้อนสูง: หากโดนแสงแดดจัดเป็นเวลานานอาจเปราะแตกได้ หรือไม่เหมาะกับน้ำร้อน
    • ไม่ทนต่อแรงกระแทก: อาจแตกหักได้ง่ายหากโดนกระแทกแรงๆ
  • การใช้งานที่เหมาะสม: ระบบประปาภายในอาคาร, ระบบระบายน้ำทิ้ง, ท่อร้อยสายไฟ (PVC สีเหลือง), งานเกษตร

 

2. ท่อ PPR (Polypropylene Random Copolymer)

 

ท่อ PPR เป็นท่อพลาสติกอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความทนทานต่ออุณหภูมิสูง

  • ข้อดี:
    • ทนความร้อนสูง: เหมาะสำหรับระบบน้ำร้อนโดยเฉพาะ (จึงมักเรียกว่าท่อสำหรับน้ำร้อน)
    • ปลอดสารพิษ: ไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำ ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องความสะอาดและปลอดภัยของน้ำดื่ม
    • ทนทาน: มีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่เป็นสนิม ไม่ผุกร่อน
    • ติดตั้งด้วยความร้อน: การเชื่อมต่อด้วยความร้อนทำให้รอยต่อแน่นหนา ไม่รั่วซึม
  • ข้อเสีย:
    • ราคาสูงกว่า PVC: มีราคาสูงกว่าท่อ PVC
    • การติดตั้งต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ: ต้องใช้เครื่องเชื่อมท่อ PPR ทำให้การติดตั้งยุ่งยากกว่า PVC เล็กน้อย
  • การใช้งานที่เหมาะสม: ระบบน้ำร้อน-น้ำเย็นในบ้านพักอาศัย, โรงแรม, โรงพยาบาล, ระบบน้ำดื่ม

 

3. ท่อ PB (Polybutylene)

 

ท่อ PB เป็นท่อพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นสูง และทนทานต่อแรงดันน้ำได้ดี

  • ข้อดี:
    • ยืดหยุ่นสูง: ดัดโค้งได้ง่าย ลดจำนวนข้อต่อ
    • ทนแรงดัน: สามารถทนแรงดันน้ำได้ดี
    • ไม่เกิดตะกรัน: ผิวภายในเรียบ ทำให้ไม่เกิดตะกรันสะสม
    • ติดตั้งง่าย: สามารถติดตั้งด้วยระบบข้อต่อแบบบีบอัด
  • ข้อเสีย:
    • ราคาสูง: มีราคาสูงกว่าท่อพลาสติกชนิดอื่นๆ
    • ไม่ทนแสง UV: ไม่ควรติดตั้งในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง
  • การใช้งานที่เหมาะสม: ระบบน้ำประปาในอาคาร, ระบบทำความร้อนใต้พื้น, ระบบน้ำร้อน-น้ำเย็น

 

4. ท่อเหล็กอาบสังกะสี (Galvanized Steel Pipe) หรือท่อแป๊บประปา

 

เป็นท่อเหล็กที่เคลือบด้วยสังกะสีเพื่อป้องกันสนิม มีความแข็งแรงทนทานสูง

  • ข้อดี:
    • แข็งแรงทนทาน: ทนต่อแรงกระแทกและแรงดันสูงได้ดีเยี่ยม
    • อายุการใช้งานยาวนาน: หากดูแลรักษาดีจะมีอายุการใช้งานนาน
  • ข้อเสีย:
    • เกิดสนิมได้: หากชั้นสังกะสีหลุดลอก อาจเกิดสนิมและมีสารปนเปื้อนในน้ำ
    • มีน้ำหนักมาก: ขนย้ายและติดตั้งลำบาก
    • ราคาสูง: มีราคาค่อนข้างสูง
    • ยากต่อการติดตั้ง: การตัดต่อและการเข้าเกลียวต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง
  • การใช้งานที่เหมาะสม: ระบบประปานอกอาคาร, ระบบน้ำดับเพลิง, งานโครงสร้างบางประเภท

 

5. ท่อ PE (Polyethylene) หรือท่อ HDPE (High-Density Polyethylene)

 

เป็นท่อพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นสูงมาก มีทั้งแบบม้วนและแบบเส้นตรง ทนทานต่อแรงดันและการกัดกร่อน

  • ข้อดี:
    • ยืดหยุ่นสูง: ดัดโค้งได้ง่าย ลดจำนวนข้อต่อ
    • ทนแรงดันและแรงกระแทก: แข็งแรงและแตกยาก
    • ทนต่อสารเคมีและรังสียูวี: เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้ง
    • เชื่อมต่อด้วยความร้อน (Fusion Joint): รอยต่อแข็งแรง ไม่รั่วซึม
    • อายุการใช้งานยาวนาน: ไม่เป็นสนิม ไม่ผุกร่อน
  • ข้อเสีย:
    • ราคาสูง: มีราคาสูงกว่า PVC และ PPR
    • การติดตั้งต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ: การเชื่อมต่อต้องใช้เครื่องเชื่อม
  • การใช้งานที่เหมาะสม: ระบบน้ำประปาหลักภายนอกอาคาร, ระบบน้ำในงานเกษตรกรรม, ระบบท่อส่งน้ำขนาดใหญ่

 

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อท่อ

 

  1. ลักษณะการใช้งาน: ใช้กับน้ำร้อนหรือน้ำเย็น? แรงดันน้ำสูงหรือไม่? ใช้กับสารเคมีหรือไม่?
  2. งบประมาณ: ท่อแต่ละชนิดมีราคาแตกต่างกัน ควรเลือกที่เหมาะสมกับงบประมาณ
  3. ความทนทานและอายุการใช้งาน: ต้องการให้ท่อมีอายุการใช้งานนานแค่ไหน?
  4. ความสะดวกในการติดตั้ง: สามารถติดตั้งเองได้หรือไม่ หรือต้องจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญ?
  5. สถานที่ติดตั้ง: ติดตั้งภายในอาคาร ภายนอกอาคาร หรือใต้ดิน?

การเลือกท่อที่เหมาะสมกับงานจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ลดปัญหาจุกจิก และมั่นใจได้ว่าระบบน้ำของคุณจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกท่อชนิดไหนดี ลองปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญหรือพนักงานขายในร้านวัสดุก่อสร้างได้เลยครับ พวกเขาสามารถให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ได้